อยู่บ้านหน้าร้อนยังไงให้ประหยัดไฟ
ยิ่งหน้าร้อนแล้ว เราจงจะหนีเรื่องของการใช้ไฟฟ้าที่สูงมากไม่ได้เลย อีกทั้ง ณ ปัจจุบันนี้
มีแนวโน้มว่าค่าไฟจะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก และอย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่า ส่วนมากที่จะเสียค่าไฟส่วนมากจะใช้ในเรื่องของการทำความเย็นให้กับคุณเองเป็นหลัก ซึ่งเราจะหลีกหนีเรื่องแบบนี้ไม่ได้เลย เพราะมันจำเป็นมาก ๆ ดังนั้นการที่จะประหยัดค่าไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนถือว่าเป็นสิ่งที่จำช่วยทำให้คุณมีเงินเหลือหยอดกระปุกแน่นอน โดยหน้าร้อนแบบนี้ เราอยากจะแนะนำให้คุณลองทำวิธีประหยัดไฟฟ้าที่เรากำลังจะบอกให้กับคุณ โดยเริ่มจาก
- อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ
การเปิดแอร์ในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิภายนอกสูงกว่า 35 องศา ดังนั้นแนวทางการแนะนำให้ปิดแอร์แล้วเปิดพัดลมอาจจะไม่เพียงพอสำหรับบางคน แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นการเปิดแอร์และเปิดพัดลมผสมกันไปด้วยถือว่าช่วยได้เป็นอย่างดี โดยมีสูตรก็คือให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาฯ พร้อมกับเปิดพัดลมเป่าเข้าหาตัวเรา วิธีนี้จะช่วยให้รู้สึกเย็นเร็วขึ้น แต่อย่าให้อุณหภูมิของแอร์ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เพราะจะยิ่งทำให้กินไฟมากขึ้น โดยการตั้งอุณหภูมิสูงขึ้นทุกๆ 1 องศาทำให้ประหยัดได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ค่าไฟ
- เลือกสัญลักษณ์ ECO
ในการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสัญลักษณ์ หรือ สติ๊กเกอร์ Eco ต่าง ๆ เพื่อที่จะรู้ได้เลยว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นจะเป็นเครื่องใช้ที่ประหยัดไฟมาจากโรงงาน ถือว่าเป็นการเซฟเงินขั้นแรกนอกเหนือจากที่จะหาวิธีประหยัดเงินแบบอื่น ๆ แล้ว
- ทำความสะอาดและจัดระเบียบตู้เย็นเป็นสัดส่วน
ในการใช้ตู้เย็นที่ไม่ให้เปลืองไฟมากที่สุดก็คือคุณจะต้องทำการแบ่งประเภทแช่ของให้ชัดเจนเป็นหมวดหมู่ น้ำ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และของอื่น ๆ อีก เพื่อไม่ให้ตู้เย็นทำงานหนักมากเกินไป อย่าเอาของร้อนใส่ตู้เย็นเป็นอันขนาด ถือว่าเป็นการเร่งให้ตู้เย็นทำงาน นอกจากที่จะเปลืองไฟแล้วยังทำให้การทำงานแย่ลงอีกด้วย และที่สำคัญควรตรวจสอบรอยรั่วที่ขอบยางของตู้เย็น หากรั่วให้รีบเปลี่ยนทันที เพราะความเย็นที่รั่วไหลออกมาจะทำให้เครื่องต้องทำความเย็นเพิ่มขึ้นตลอดเวลา มอเตอร์ทำงานหนักและกินไฟ
เช็คไฟฟ้าผ่าน Smart Phone
การใช้งานอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ใน ปัจจุบันนี้สามารถสั่งทำงานได้อย่างสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ยิ่งบ้านสมัยใหม่จะเน้นเรื่องของการทำ Smart House เป็นสะส่วนใหญ่ทำให้สามารถควบคุมผ่านทางสมาร์ทโฟนได้เลย ตั้งแต่หลอดไฟ แอร์ เครื่องซักผ้า พัดลม โดยที่จะมีสถานะของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ด้วย ตอนที่คุณออกบ้านไปแค่กดปิดให้หมดก่อน และก่อนที่จะเข้าบ้านก็แค่เปิดวอร์มอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ก่อนก็เท่านั้นเอง มาถึงก็สามารถใช้ได้ทันที
- ถอดปลั๊กไฟทุกครั้ง
หลายคนอาจคิดว่าแค่ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลังใช้งานก็พอแล้ว แต่ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะปิดสวิตช์หลังใช้งานไปแล้ว แต่ก็ยังมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนเพื่อให้พร้อมใช้งานตลอดเวลาซึ่งเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ค่าไฟขึ้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานอยู่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือควรที่จะปิดสวิตช์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน นอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้านได้อีกด้วย ไม่เสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน
- เลือกใช้หลอดไฟประหยัดไฟ
หลอดไฟถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องเปิดนานมาก ๆ และแต่ละบ้านยังมีอีกหลายดวง เมื่อก่อน หลอดไฟจะมีแค่หลอดไส้ ที่มีการกินไฟที่เยอะมาก แต่ใน ณ ปัจจุบันนี้ได้มีหลอด LED เข้ามาแทนที่ ซึ่งให้ความสว่างที่มากกว่าโดยแลกกับการกินไฟที่ต่ำกว่าเช่นเดียวกัน ติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก จากหลอดไส้ปกติอยู่ที่ 20w แต่หลอด LED อาจจะอยู่ที่ 10w-12w ซึ่งถ้าดูแบบนี้แล้ว ความแตกต่างของหลอดทั้งสองแบบนั้น เรื่องของการกินไฟเกือบจะเป็นครึ่งต่อครึ่งกันเลย
ทำงานแต่ละครั้งนาน ๆ
ในการทำงานบางอย่างนั้น คุณควรจะทำงานสิ่งนั้นในระยะเวลานาน ๆ เหมือนที่คุณเคยได้ยินว่า ซักผ้าต้องซักผ้าครั้งละมาก ๆ เวลารีดผ้าต้องรีดทีเดียว อย่ารีดบ่อยครั้ง ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะว่าในการที่คุณทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำบ่อยนั้น มันจะทำให้เปลืองพลังงานมาก อย่างเช่นการซักผ้า ถ้าหากคุณซักทีละน้อย ค่าไฟคุณเปลืองเท่าเดิม แต่ซักผ้าได้น้อยชิ้น แต่ถ้าหากซักผ้าครั้งละมาก ๆ แต่ไม่บ่อย จะคุ้มมาก ทั้งค่าไฟ และค่าน้ำ อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยนั่นก็คือ การเปิดแอร์ เพราะด้วยการที่คุณเปิดปิดแอร์บ่อย จะทำให้เปลืองไฟมาก ๆ เพราะในช่วงแรกที่เริ่มของการปรับอุณหภูมิในห้องให้เย็น จะมีการใช้ไฟที่สูงมาก และถ้าอุณหภูมิรวมของห้องเย็นคงที่แล้วถึงค่อยลดการใช้ไฟลงนั่นเอง
ฝึกทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัยแล้วมันจะช่วยให้คุณนั้นมีเงินเก็บต่อเดือนได้มากขึ้น ตอนแรกอาจจะรู้สึกแปลก ๆ และดูจำนวนเงินแล้วอาจจะคิดว่ามันก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าหากลองคิดกันใน 1 ปีแล้ว คุณจะได้รู้เลยว่าการประหยัดเงินจากการเซฟค่าไฟของคุณจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนมาก ๆ